การเป็นคนเก่ง ไม่ได้การันตีว่าจะมีความสุข

Last updated: 10 ก.ย. 2564  | 

วันที่ 10 กันยายน 2564 - 09:30 น.



ในโลกปัจจุบันของคนวัยทำงาน เราต่างตกเป็นเหยื่อกระแสนิยมของสังคมที่กำลังบีบคนวัยทำงานให้พยายามกันสุดตัว เพื่อจะเป็นคนเก่งด้วยความเชื่อที่ว่าการที่ชีวิตคนเราจะมีความสุขได้ต้องประสบความสำเร็จในหลายด้าน

โดยเฉพาะด้านการทำงาน การให้มาตรฐานของกระแสนิยมของสังคมที่ขีดเอาไว้ว่าคนเก่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด คือคุณต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ความทะเยอทะยานรวมถึงอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้คุณได้รับโอกาสที่สำคัญเข้ามาในชีวิต เช่นความก้าวหน้าในอาชีพทำงาน คำชื่นชมจากคนรอบตัว ชื่อเสียงเงินทองมากมายกว่าคนอื่นโดยมีไม้บรรทัดที่สังคมวางทาบเอาไว้

ดังนั้นคนที่ไม่ได้อยู่ในการจัดอันดับจากสังคมว่าเป็นคนเก่งจึงกลายเป็นคนที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนที่ล้มเหลว ไม่มีอนาคต หรือแม้แต่ประโยคคลาสสิกที่ว่า “ไม่เก่งแบบนี้ คงเป็นลูกน้องเขาไปจนวันตาย” ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกมองว่าแย่มาก จนหลายคนพยายามที่จะผลักดันตัวเองให้ไปอยู่ในกลุ่มคนเก่ง หรือ ถูกยกย่องว่าเป็นคนเก่ง เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาเหล่านี้ ด้วยความเชื่อที่ถูกปลูกฝังว่าการเป็นคนเก่งจะเป็นแม่เหล็กที่ช่วยดึงดูดความสุขมาสู่ชีวิตตน

“ความเก่งมาพร้อมกับความสุขจริงหรือ ? ”



ก่อนอื่นเราต้องอธิบายกันก่อนว่า ความเก่งจะนำมาซึ่งความสุขนั้นมาจากไหน?

จริงๆ แล้วความเชื่อนี้เป็นมายาคติที่มีการปลูกฝังมาตั้งแต่โบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ว่าด้วยสังคมที่เลือกปฏิบัติ ยกย่องชื่นชมและให้ความสำคัญต่อคนที่เก่ง คนที่กล้า คนที่มีความสามารถนั้นล้วนเป็นผู้มีบุญกลับชาติมาเกิด เป็นคนตามคำทำนาย หรืออิงแบบกันตามแบบศาสนาแบบสุดโต่ง เช่น นารายณ์อวตาร พระอินทร์จุติ หน่อเนื้อพุธทางกูร บุตรแห่งพระเจ้า เป็นต้น ด้วยเหตุผลนี้จึงส่งผลให้พวกเขาได้รับอำนาจบารมี ชื่อเสียงเงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์ ฯลฯ เข้ามาในชีวิต และความเชื่อนี้ก็ยังได้รับความนิยมการปฏิบัติสืบมาถึงปัจจุบัน

ผู้เขียนเชื่อว่าหลายท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้คงมีความรู้สึกว่า “เป็นคนเก่งไม่เห็นมีข้อเสียเลย มีแต่ความสุขทั้งนั้น” แต่เชื่อไหมครับว่ามีทั้งผลวิจัยจากสถาบันที่มีชื่อเสียง , บทสัมภาษณ์จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่มีชื่อเสียงหลายท่าน รวมไปถึง บุคคลหลายท่านในชีวิตของผู้เขียนที่มีจัดได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถติดอันดับท็อปขององค์กรแต่ละแห่ง ออกมาในทางเดียวกันว่ายังมีปัญหาหลายอย่างในชีวิตของพวกเขาที่ไม่มีความสุขเอาซะเลยทั้งที่เขาเป็น “คนเก่ง”

ทางผู้เขียนได้สรุปมาแล้วว่าปัญหายอดฮิต 5 ข้อ มีอะไรบ้างที่ทำให้คนเก่งรู้สึกว่าไม่มีความสุข ยังไงลองมาอ่านกันครับเผื่อตรงกับผู้อ่านหลายท่าน อาจแสดงว่าคุณกำลังเป็นคนเก่งที่เจอปัญหาเหล่านี้อยู่



1. เก่งแล้วอึดอัด
ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหายอดฮิตเลยสำหรับคนเก่ง ที่พวกเขามักกังวลว่าการเป็นคนมีความสามารถโดดเด่นขององค์กรทำให้อึดอัด พูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นคือ การถูกจับตามองทุกการกระทำและมักเป็นเป้าสายตาที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนเก่งที่ยืนฉายเดี่ยวกลางสปอตไลต์ของสังคมที่อยู่ ปัญหานี้จึงทำให้คนเก่งรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ทำงานเพราะเขาทำอะไรได้อย่างไม่เต็มที่ ไม่เป็นตัวของตัวเองได้มากนัก เพราะต้องอยู่ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาคน

2. เก่งแต่รู้สึกว่าความสัมพันธ์หายไป
ความเก่งเป็นดาบสองคมอย่างหนึ่งในด้านความสัมพันธ์รอบตัว คนเก่งมักสงสัยเสมอในความสัมพันธ์กับคนใหม่ เพราะเขาเองก็มัวแต่กังวลว่าคนที่เข้ามานั้นหวังอะไรในตัวเขาจนกลายเป็นไม่ได้เปิดใจ ไม่ได้สัมผัสและมอบความสุขนั้นกับคนรอบตัว ในขณะเดียวกันคนรอบตัวของคนเก่งก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาขวางเป็นกำแพงกั้นโอกาสที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่แตกต่างกัน , ระดับตำแหน่งงานที่ต่างกัน รวมไปถึงการกลัวถูกคนอื่นมองว่าเข้าไปคบกับคนเก่งเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นต้น นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คนเก่งหลายคนเจอคือความสัมพันธ์ที่หายไปจากการเป็นคนเก่ง

3. เก่งแล้วกดดันรู้สึกระแวง
ว่ากันว่า “การเป็นแชมป์นั้นง่าย แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์” คนเก่งจริงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะรักษาการเป็นคนที่ถูกยอมรับว่าเก่ง จนกลายเป็นความหวาดระแวงมากมาย เช่น การมีคนมาแย่งนามสกุลที่บ่งบอกความเป็นคนเก่งไป , กลัวตัวเองจะทำงานพลาด , กลัวคนอื่นจะมาทำงานตัวเองพัง เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างมากสำหรับคนเก่งจนกลายเป็นว่าส่งผลกระทบไปถึงชีวิตส่วนตัวที่ไม่มีความสุข อยู่ด้วยความหวาดระแวง

4. เก่งแค่ไหน เวลาก็ไหลย้อนกลับไม่ได้
ในโลกยุคใหม่ มักมีประโยคเด็ดจากเหล่านักธุรกิจระดับโลก ซึ่งเป็นที่นิยมในไทยอย่างมากมายมาปลูกฝังในหัววัยคนทำงาน เช่น “จงทำงานอย่างหนัก จงแลกทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วจะเที่ยว จะใช้ชีวิตก็ยังไม่สาย” หรือ แนวคิดที่ผลักดันให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นเจ้าของบริษัท ต้องทำงาน ต้องคำนึงว่าถ้าเป็นบริษัทของตัวเอง ซึ่งได้ผลอย่างมากกับคนเก่งที่ถูกดึงดูดกับความสำเร็จได้ง่าย ซึ่งการที่คุณทุ่มเทงานหนักเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรสุดตัวจนแลกกับเวลาในชีวิตจนเกินไป เพราะปัญหานี้ทำให้คนเก่งที่ทุ่มสุดตัวแลกทุกอย่างไป เมื่อวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมากลายเป็นว่า เขาแทบไม่มีเวลาในชีวิตให้ตัวเอง เขาหมดเวลากับการทุ่มเททำงานอย่างหนักไปเป็นสิบๆ ปี กว่าจะรู้ตัวอีกทีทุกอย่างในชีวิตหายไปหมดแล้วเหลือแต่งานที่ทำอยู่ตรงหน้า ตำแหน่งกับเงินทองที่ได้มาก็ไม่สามารถซื้อเวลาคืนได้แม้เสี้ยววินาที


5. บางครั้งความถูกต้องจนเกินคำว่ากาลเทศะที่เหมาะสม
ก็จริงอยู่ที่ความถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญและความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าความถูกต้องอยู่เหนือคำว่า กาลเทศะ คนเก่งหลายคนมักสนแต่ความถูกต้องจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนรอบตัวว่าอยู่ในสถานที่ สถานการณ์ เวลาที่เหมาะสมหรือไม่ ทั้งทางวาจาหรือการกระทำ คนเหล่านี้มักตกอยู่ในปัญหาเช่นนี้่บ่อยครั้ง จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องร่วมงานกับคนเก่ง เพราะเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทำความรู้สึกกดดันและไม่ค่อยอยากร่วมงานด้วย จนส่งผลกระทบกลับสู่ความรู้สึกข้างในส่วนลึกของคนเก่งก็ไม่มีความสุขเช่นกัน



เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับเหล่าปัญหายอดฮิตของเหล่าคนเก่ง ท่านผู้อ่านหลายท่านกำลังพบอยู่ไหมครับ?

ถ้าพบไม่ต้องตกใจครับ เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ทำให้โลกสลาย วันนี้ท่านผู้อ่านนับว่าโชคดีแล้วครับที่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังพบนั้นไม่ใช่แค่เราคนเดียวพบเจอ แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนคาดหวังเหลือเกินว่า ผู้อ่านทุกท่านจะเป็นคนเก่งที่มีความสุขในทุกๆ วันนะครับ

จนกว่าจะพบกันใหม่กับบทความหน้าถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะครับ


SOURCE :

กันยายน 10, 2021 


By สิบทิศ Ignite Thailand