Last updated: 16 ก.ย. 2564 |
วันที่ 16 กันยายน 2564 - 11:10 น.
ในสภาวะเช่นนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อความสุขในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต วัยเรียน วัยทำงาน วันนี้ผู้เขียนมีวิธีส่งเสริมความสุขในชีวิตมานำเสนอแก่ท่านผู้อ่านกันครับ จะมีเทคนิคไหนที่ตรงใจกับท่านผู้อ่านบ้างไปเริ่มกันเลย สำหรับ 9 เทคนิคสร้างความสุขที่ไม่ต้องลงทุนมากมายอะไร ซึ่งง่าย เหมาะกับทุกคนและยังสามารถปรับใช้ได้ทันทีแค่เพียงเริ่มต้นวันนี้ !!
1. รู้จักถ่อมตนและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น
จะดีแค่ไหนถ้าวันนี้คุณได้เรียนรู้ที่จะถ่อมตนต่อเสียงสรรเสริญยินดีที่เข้ามาจากคนรอบข้าง ด้วยประโยคที่ถ่อมตัวแถมยังได้ใจผู้ที่ฟังให้มีกำลังใจที่ทำในสิ่งที่ดีต่อ เช่น “ขอบคุณมากครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ให้ความร่วมมือ/ผลักดันสิ่งนี้ให้สำเร็จครับ ยังไงก็ขอให้ความสำเร็จนี้เป็นของทุกคนครับ ขอบคุณจริงๆ” รวมถึงคุณยังควรเรียนรู้ที่จะชมความสำเร็จของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น “วันนี้แต่งตัวเท่มา / สวยมาก” , “คุณทำได้ดีมาก” เป็นต้น สิ่งต่างๆ ที่คุณได้มอบความสุขให้คนอื่นไป สุดท้ายมันจะย้อนกลับหาเราด้วยความสุขเช่นกัน
2. เป็นคนทักทายก่อนเสมอ
หลายครั้งที่คนเราอาจลืมเรื่องพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เช่น การทักทายผู้อื่น ท่านผู้อ่านเชื่อไหมว่าการที่เราเป็นคนทักทายคนอื่นด้วยความจริงใจเสมอ มันจะส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของคุณเป็นคนที่อัธยาศัยดีน่าคบหา เวลาคุณอยากได้ความร่วมมือหรือความช่วยเหลือ คนมักให้ความช่วยเหลือเสมอเพราะด้วยภาพจำของคุณที่ดูเป็นมิตร และคุณอาจได้เพื่อนพี่น้องที่ดีในอนาคตจากการเริ่มต้นทำวิธีนี้ ซึ่งสิ่งนี้จะนำความสุขและรอยยิ้มเล็กๆ มาสู่ชีวิตคุณได้ไม่มากก็น้อย
3. รักษามาตรฐานให้ดีที่สุด
มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรต้องมี เพราะมันคือคุณค่าและเป็นการส่งผลดีต่อสิ่งที่เราทำนั้น ไม่ว่าจะเรื่องใดในชีวิต แต่ไม่ควรกดดันจนกลายเป็นความเครียด เราสามารถเปลี่ยนเป้าหมายนั้นอย่างมีชั้นเชิง ถ้าเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ก็แบ่งมันออกมาให้เป็นเป้าหมายที่เล็กและทำทุกวันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน สุดท้ายถ้าเป้าหมายเล็กสำเร็จในทุกวันก็ส่งผลให้เป้าหมายใหญ่ของคุณสำเร็จอยู่ดี โดยที่คุณเองนั้นมีความสุขกับการทำมัน
4. โลกไม่ได้มีเราคนเดียวที่สำคัญ
โลกส่วนตัวเราทุกคนมีกันหมด จะมีมากหรือน้อยก็อยู่ที่แต่ละคน จะเป็นไปได้ไหมถ้าคุณคิดว่าโลกส่วนตัวของคุณคือบ้านแล้วที่ต้องมีเพื่อนบ้าน ต้องมีสังคม เเบ่งปันพึ่งพาอาศัยกัน ลองแชร์เรื่องราวต่างๆ ของตัวเองให้คนอื่นฟังบ้าง ไม่แน่ว่าปัญหาที่คิดไม่ตก เพื่อนเรากลับคิดทางออกได้อย่างง่ายได้ แต่อย่าลืมแบ่งปันเรื่องความสุขบ้างละ เผื่อเรื่องราวของเราอาจทำให้เพื่อนหัวใจพองโตเกิดแง่มุมใหม่ในชีวิต อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่า “การสร้างความสุขได้ทั้งผู้ให้และผู้รับ”
5. คลื่นลูกใหม่มีเสมอเป็นสัจธรรม
หลายครั้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเจอคนเก่งหน้าใหม่ๆ ที่เข้ามาในองค์กร เข้ามาท้าทายความสามารถของตนตามกาลเวลา โดยที่เขาอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ได้ ซึ่งสถานการณ์นี้จะสร้างความกดดันให้คนเก่งคนเก่าจนกลายเป็นความทุกข์ที่ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาอันดับของตนไว้ จนเกิดความกดดันกดดันและกลายเป็นผลกระทบต่อสภาพจิตใจทำให้ไม่มีความสุขกับการทำงานรวมไปถึงชีวิตส่วนตัว หากเราคิดกลับไปอีกมุมนึงว่าการที่เราเองก็เคยมีช่วงเวลาสุดยอดที่ได้มาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขอจงภูมิใจไปกับมันจะดีกว่ามัวคิดแต่เรื่องแง่ลบ เพราะการมีคนเก่งเข้ามานั้นจะได้มีคนมาช่วยพัฒนาให้องค์กรก้าวไปด้วยกัน และตัวเราเองก็ อย่ามองว่าเป็นการแข่งให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดและมองว่าเราจะช่วยกันพัฒนาองค์กรกันต่อไปได้อย่างไร
6. ลดเงื่อนไขในชีวิต เพราะ “ความสุข” บางครั้งก็ไม่มีเงื่อนไข
อาจจะจริงที่คนเก่งหรือคนประสบความสำเร็จชอบพูดกันว่า “กว่าที่ผมจะมีวันนี้ได้เพราะผมต้องผ่านอะไรมาเยอะ ผมวางแผนหลายอย่าง ผมทำเยอะ ไม่ใช่อะไรก็ได้” แต่เชื่อไหมว่าเงื่อนไขมากมายในชีวิตของคนเหล่านี้เองก็มักเป็นดาบสองคมที่ให้คนเหล่านั้นถูกกีดกันออกจากความสุขที่ธรรมดาแต่แสนวิเศษ เช่น การยิ้ม การหัวเราะ การรู้จักมิตรภาพใหม่ๆ ความเรียบง่ายของชีวิต เป็นต้น เพราะความสุขบางครั้งการก็แค่คิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ได้ต้องใช้เหตุผล ตั้งคำถามหรือหาคำตอบให้วุ่นวาย ใช้แค่การรับรู้ของความรู้สึกก็มากเพียงพอแล้ว ดังประโยคคลาสสิกที่ผู้เขียนชื่นชอบ “ชีวิตมันไม่ได้ซับซ้อนหรอก คนเรานั้นแหละที่ทำให้มันยากเอง”
7. เก่งฉายเดี่ยวเหนื่อยจนวันตาย แต่เก่งสร้างผู้คนคือที่มาของกองทัพเเห่งความสุขและสำเร็จ
เรามักจะได้ยินมามาก ว่าคนเก่งเหล่านี้ส่วนใหญ่มักฉายเดี่ยว ชอบลุยเดี่ยวอาจเป็นเพราะเหตุผลมากมาย ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูง ไม่ไว้ใจคนอื่นกลัวว่าจะทำงานตัวเองพัง หรือแม้จนกระทั่งเหตุผลที่ว่า กลัวคนอื่นจะมาเกาะความสำเร็จในผลงานตัวเอง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ผิด แต่ท่านผู้อ่านเชื่อไหมว่า มีบางคนเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า “เมื่อก่อนทุกครั้งที่สำเร็จเขาภูมิใจมาก แต่พอผ่านเวลามานานเขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวที่ไปถึงเส้นชัยแล้วหันมาไม่มีใคร เขาจึงหันมาพัฒนาผู้อื่นให้ความรู้ผู้อื่นเพื่อให้ก้าวไปถึงเส้นชัยไปด้วยกัน” ประโยคนี้ทำให้ผู้เขียนได้เข้าใจและมีมุมมองใหม่ที่มากขึ้น ว่าถ้าคนเก่งได้สอน ได้พัฒนาผู้คนรอบตัวเขา จนคนเหล่านั้นเก่งและมีความสามารถ ตัวผู้สอนเองก็จะได้สังคมที่มีแต่คนเก่งช่วยกันทำงาน ช่วยกันสนับสนุนสิ่งต่างๆ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้ร่วมการสร้างความสำเร็จ นั้นอาจจะเป็นความสุขที่เรามองหาอยู่ก็ได้
8. ลองแพ้บ้างก็ได้ เป็นคนแพ้ที่มีความสุข
สังคมทุกวันนี้ทุกอย่างต้องมีการเเข่งขันและคนที่เก่งกว่าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งหลายครั้งที่เราพยายามสละทุกอย่างทำทุกสิ่ง ไม่ว่าจะถูกหรือผิดเพื่อให้ได้ชัยชนะ แต่ชัยชนะทุกครั้งที่ได้มานั้นมีความสุขจริงหรือ? คุณต้องแลกหรือเสียอะไรไปบ้างเพื่อชัยชนะนี้? สำหรับแนวคิดนี้ทางผู้เขียนแค่อยากจะแนะนำว่า ถ้าการแข่งขันแล้วรางวัลหรือเป้าหมายนั้นมันไม่ได้สำคัญต่อชีวิต บางครั้งการตั้งใจยอมแพ้เพื่อให้ผู้ชนะนั้นมีความสุขได้รับสิ่งที่จำเป็นต่อเขาจริงๆ ทำให้เขาได้มีกำลังใจ ความมั่นใจ ไม่แน่ว่าสิ่งนั้นอาจทำให้คนที่ชนะอย่างแท้จริงคือตัวคุณก็ได้
9. จงเป็นคนใช้ชีวิต อย่าให้ชีวิตใช้เรา
คนเก่งส่วนมากมักติดกับดักของแนวคิดการทำงานยุคใหม่ ที่ปลูกฝังให้คนในองค์กรมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท แต่ยังไงก็ตามแนวคิดนี้ส่งผลให้คนเก่งมากมายทุ่มเทและเสียสละทุกอย่างในการทำงาน จนทำให้ตนเองไม่ได้ใช้อีกหลายด้านของชีวิต เช่น ความสัมพันธ์กับผู้อื่น โอกาสใหม่ในชีวิต กิจกรรมพักผ่อนรูปแบบต่างๆ จนไปถึงสุขภาพตัวเอง เป็นต้น จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้รู้ว่า “บริษัทไม่ได้รักคุณเท่าที่คุณรักหรอก คุณไม่ไหวเขาก็หาคนมาทำแทนคุณ” ดังนั้นจงดื่มด่ำกับทุกด้านของชีวิต ตอนเวลาทำงานก็ทำสุด ตอนเที่ยวพักผ่อนก็เต็มที่ ใช้เวลากับตัวเองและคนรอบตัวให้คุ้มค่าเพราะชีวิตไม่ใช่เกมเราไม่สามารถกด UNDO ได้ พลาดเเล้วพลาดเลย แล้วตอนหลังจะมาบอกด้วยประโยคคลาสสิกที่วัยรุ่นชอบพูดกันว่า “รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้” ไม่ได้นะ
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับบทความนี้ ทางผู้เขียนเองดีใจมากที่ได้บอกแชร์บอกต่อเรื่องราวที่ดีให้หลายท่านได้อ่านกัน เพราะนั้นก็คือ “ความสุขของผม” เช่นกันหวังว่าทางผู้อ่านทุกท่านที่ได้ผ่านเข้ามาอ่านบทความนี้ จะได้มุมมองแนวคิดประโยชน์ไปไม่มาก็น้อย “มาเป็นคนที่มีความสุข” ไปด้วยกันนะครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่กับบทความหน้าถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะครับ
SOURCE :
กันยายน 16, 2021
By สิบทิศ Ignite Thailand
7 ก.ย. 2564
10 ก.ย. 2564